เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan – 160 slides)
CT Scan คือ เครื่องตรวจวินิจฉัยเพื่อหาความผิดปกติในร่างกายบริเวณที่เฉพาะเจาะจง โดยใช้หลักการส่งรังสีเอกซ์จากหลอดเอกซเรย์ (X-Ray Tube) ไปที่อวัยวะนั้นๆ แล้วแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า เพื่อสร้างภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์รวบรวมได้จะถูกวิเคราะห์เป็นภาพตัดขวางที่สามารถตัดเป็นส่วนเล็กๆ ทำให้เห็นรายละเอียดด้านในโครงสร้างของอวัยวะและความผิดปกติได้ชัดเจนกว่าภาพเอกซเรย์ทั่วไป สามารถสร้างภาพเป็น 3 มิติ เพื่อการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ
โรงพยาบาลหัวเฉียว จึงได้นำเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 160 สไลส์ (CT Scan - 160 slides)
มาให้บริการตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งสามารถครอบคลุมทุกส่วนของร่างกาย
ความสามารถอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกส่วนของร่างกาย
หัวใจ เพียงแค่ 8 วินาที ก็สามารถถ่ายภาพหัวใจได้ทั้งหมด
สามารถจับภาพเส้นเลือดหัวใจได้แม่นยำครบถ้วน จึงทำให้ผู้รับบริการใช้เวลากลั้นลมหายใจน้อยกว่า
เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 64 สไลส์ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดกว่า ช่วยให้แพทย์สามารถ
วินิจฉัยผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือด แต่ยังไม่มีอาการแสดง และกลุ่มที่มีอาการ
ที่เตือนให้ต้องสงสัยถึงโรคหัวใจขาดเลือด ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้สามารถทำการป้องกันและรักษาได้ทันเวลา
"ตรวจหัวใจให้อะไรมากกว่าเรื่องหัวใจ
การตรวจหัวใจเพียงครั้งเดียว ให้ข้อมูลสำคัญของอวัยวะถึง 3 ส่วนคือ
หัวใจ เส้นเลือด และปอด ซึ่งไม่สามารถให้ได้จากการสวนหัวใจ จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งในผู้ป่วยที่อาการเจ็บแน่นหน้าอกที่ไม่สามารถแน่ใจว่าเกิดจากหลอดเลือดหัวใจ
เพราะอาจเกิดจากเส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพองหรือการอุดกั้นในเส้นเลือดแดงของปอด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสภาวะที่ต้องการการรักษาอย่างรีบด่วน"
สมอง สามารถช่วยวินิจฉัยความผิดปกติของสมอง อาทิ ภาวะสมองขาดเลือด เลือดออกในสมอง เนื้องอกสมอง และอุบัติเหตุทางสมอง
เส้นเลือด สามารถตรวจระบบเส้นเลือดแดง – ดำ เพื่อหาการตีบตัน แตก หรือฉีกขาดในทุกส่วนของร่างกาย เช่น
- เส้นเลือดของสมอง
- เส้นเลือดของไต
- เส้นเลือดของแขนและขา
- เส้นเลือดในส่วนอื่นๆ
ศีรษะและคอ เพื่อตรวจหาความผิดปกติและก้อนเนื้องอกในส่วนของลำคอ เช่น ก้อนของต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำเหลือง
หู
เพื่อตรวจหาความผิดปกติต่างๆ รวมถึงเนื้องอกในหูชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก
ไซนัส เพื่อตรวจหาความผิดปกติด้านโครงสร้างที่อาจเป็นสาเหตุของ ภาวะไซนัสอักเสบเรื้อรัง
ปอด
เพื่อตรวจหาเนื้อร้ายเริ่มต้นในปอด (Lung Nodule) ก่อนที่จะเติบโตไปเป็นมะเร็งระยะลุกลาม
ช่องท้อง
เพื่อตรวจหาความผิดปกติในช่องท้อง (Abdominal CT) เช่น
- มะเร็งและเนื้องอกของอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ไต ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลือง
- นิ่วถุงน้ำดี นิ่วในท่อน้ำดี นิ่วในไต
ลำไส้ใหญ่
เพื่อตรวจหาเนื้องอกระยะเริ่มต้น (Polyps) ในลำไส้ใหญ่โดยการตรวจ CT Coronography ก่อนที่เนื้องอกชนิดนี้จะเปลี่ยนสภาวะเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่
กระดูก
เพื่อหาความผิดปกติของกระดูกในส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือตรวจการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ พร้อมความสามารถ
ในการสร้างภาพ 3 มิติ ที่มีความละเอียดสูงเสมือนจริง เช่น
- กระดูกสันหลัง
- กระดูกข้อเท้า
- กระดูกเชิงกราน
- กระดูกมือและเท้า
- กะโหลกศีรษะ
- กระดูกซี่โครง
- กระดูกส่วนอื่นๆ
ปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ
“บอกความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้ด้วย
เครื่องเอ็กเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 160 สไลส์ โดยไม่ต้องฉีดสารทึบรังสี”
โดยปกติแล้วแคลเซียมที่จับผนังหลอดเลือดหัวใจจะเกิดมากในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว (Atherosclerosis)
เนื่องจากไขมันความหนาแน่นต่ำ (LDL) ที่จับผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดหินปูน (Plaque)
ซึ่งเป็นเหตุของการเกิดการตีบและอุดตันของเส้นเลือดตามมาได้
กล่าวคือหากตรวจพบแคลเซียมสูงแสดงว่ามีการเกิด plaque มาก มีโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบสูง
เราจึงสามารถใช้ปริมาณแคลเซียมในการคาดคะเนโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้
โดยวัดปริมาณแคลเซียมออกมาเป็นแคลเซียมสกอร์ (Coronary Calcium Score)
เมื่อสามารถบอกถึงโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแล้ว
ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดและอาจต้องได้รับการตรวจอย่างอื่นร่วมด้วย
เช่น การตรวจคลื่นหัวใจ (EKG) การทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะเดินบนสายพาน (Exercise StressTest)
หรือตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจโดยการฉีดสีตามคำแนะนำของแพทย์
การตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องซีทีสแกน 160 สไลดส์
(CT Scan 160 Slices) คือประสิทธิภาพเหนือชั้น เพราะ
- ไม่ต้องสวนหัวใจเพื่อฉีดสี ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายในการตรวจสูง
- ใช้ระยะเวลาตรวจที่รวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง
ไม่จำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาล
- สามารถลุกขึ้นเดินและทำงานได้ตามปกติหลังการตรวจ
- วินิจฉัยภาวะเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบในคนที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กราฟหัวใจผิดปกติแต่ไม่มีอาการเจ็บหน้าอกหรือมีอาการที่ไม่ชัดเจน
- ตรวจเพื่อติดตามผลหลังการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจหรือขยายเส้นเลือดหัวใจในผู้ป่วยที่ทำการสวนหัวใจและใส่ขดลวดขยายเส้นเลือดหัวใจ (Stent)
- สามารถตรวจผู้ที่มีความผิดปกติของเส้นเลือดหัวใจแต่กำเนิด (Coronary Anomalies)